ควรตั้ง Stop-Loss ที่จุดใด และกฎ 1% คืออะไร? [คู่มือบริหารความเสี่ยงขั้นสูงสุด]

1.ความสำคัญของการบริหารความเสี่ยงในการเทรด
2.การตั้งเป้าหมายด้านการจัดการความเสี่ยง
3.เครื่องมือและกลยุทธ์ในการบริหารความเสี่ยง
4.กลยุทธ์การบริหารความเสี่ยง (Strategies for Risk Management)
5.การจัดการเลเวอเรจและมาร์จิ้น
6.เทรดกับ Ultima Markets

ความสำคัญของการบริหารความเสี่ยงในการเทรด

การบริหารความเสี่ยงมักถูกมองว่าเป็นรากฐานสำคัญของการเทรดที่ประสบความสำเร็จ แม้แต่กลยุทธ์ที่ทำกำไรได้มากที่สุดก็สามารถล้มเหลวได้หากไม่มีการบริหารความเสี่ยงอย่างเพียงพอ นี่คือเหตุผลที่การบริหารความเสี่ยงมีความสำคัญ:

  • การรักษาเงินทุน (Preservation of Capital): ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถอยู่รอดในช่วงที่เกิดการขาดทุน และอยู่ในตลาดได้นานพอที่จะคว้าโอกาสทำกำไรเมื่อมาถึง
  • การลดความเครียดทางอารมณ์ (Reduction of Emotional Stress): การบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสมช่วยลดความวิตกกังวลจากความเป็นไปได้ที่จะขาดทุน ทำให้ตัดสินใจได้อย่างมีเหตุผล
  • ความยั่งยืนในระยะยาว (Long-Term Sustainability): เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จมุ่งเน้นการเติบโตอย่างสม่ำเสมอในระยะยาว ซึ่งเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อมีการควบคุมความเสี่ยงอย่างมีวินัย

ความเข้าใจเกี่ยวกับความเสี่ยงในการเทรด

เทรดเดอร์จำเป็นต้องตระหนักถึงความเสี่ยงหลายประเภทที่เกี่ยวข้องกับการเทรด ซึ่งอาจเกิดจากความผันผวนของตลาดหรือสภาพคล่องของเครื่องมือการลงทุน ตัวอย่างความเสี่ยงในการเทรดมีดังนี้:

ความเสี่ยงจากตลาด:
ความเสี่ยงจากตลาดหมายถึงความเป็นไปได้ที่จะขาดทุนจากการเคลื่อนไหวของราคาที่ไม่เป็นไปตามคาดในตลาดการเงิน ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่พบได้บ่อยที่สุดในการเทรด เช่น:

  • ราคาหุ้นร่วงลงอย่างรวดเร็วจากผลประกอบการที่แย่เกินคาด
  • ความผันผวนในตลาดฟอเร็กซ์ที่เกิดจากการตัดสินใจของธนาคารกลางหรือเหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์

ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง (Liquidity Risk):
ความเสี่ยงด้านสภาพคล่องเกิดขึ้นเมื่อเทรดเดอร์ไม่สามารถซื้อหรือขายสินทรัพย์ได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อราคา

  • พยายามปิดออเดอร์จำนวนมากในหุ้นที่มีปริมาณการซื้อขายต่ำ อาจทำให้เกิด Slippage
  • การซื้อขายคู่เงินแปลกใหม่ (Exotic Currency Pairs) ที่มีสภาพคล่องต่ำ

ความเสี่ยงจากเลเวอเรจ (Leverage Risk):
เลเวอเรจช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไร แต่ก็ขยายขนาดของการขาดทุนเช่นกัน ซึ่งจะเพิ่มความไวต่อการเคลื่อนไหวของราคาแม้เพียงเล็กน้อย

  • การเปลี่ยนแปลงของราคาที่ 1% ในออเดอร์ที่ใช้เลเวอเรจสูง อาจทำให้ทุนในบัญชีเปลี่ยนแปลงถึง 10%
  • การโดน Margin Call เนื่องจากยอดเงินในบัญชีไม่เพียงพอต่อการรักษาออเดอร์ที่มีเลเวอเรจ

ความเสี่ยงจากคู่สัญญา (Counterparty Risk):
เป็นความเสี่ยงที่เกิดจากโบรกเกอร์ ตลาด หรือคู่สัญญาไม่สามารถปฏิบัติตามข้อผูกพันทางการเงินได้

  • โบรกเกอร์ล้มละลาย ส่งผลให้บัญชีลูกค้าและเงินทุนถูกระงับ
  • คู่สัญญาผิดนัดชำระในตลาด OTC (Over-the-Counter)

ความเสี่ยงเชิงระบบ (Systemic Risk):
เป็นความเสี่ยงที่เกิดจากเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อระบบการเงินทั้งระบบ ไม่ใช่เพียงแค่ตลาดหรือสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่ง

  • วิกฤตการณ์ทางการเงิน เช่น วิกฤตเศรษฐกิจโลกปี 2008
  • เหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ครั้งใหญ่ที่ส่งผลต่อความผันผวนของตลาดทั่วโลก

ความเสี่ยงด้านจิตวิทยาและการเทรดด้วยอารมณ์

ปัจจัยทางจิตวิทยามักจะเพิ่มความเสี่ยงในการเทรด แม้แต่กลยุทธ์ที่ดีที่สุดก็สามารถล้มเหลวได้หากมีอารมณ์เข้ามาแทรกแซงในการตัดสินใจ ความเสี่ยงทางอารมณ์ที่พบบ่อย ได้แก่:

  • ความกลัว: ทำให้เทรดเดอร์ปิดออเดอร์เร็วเกินไป หรือหลีกเลี่ยงโอกาสในการเข้าเทรด
  • ความโลภ: ผลักดันให้ใช้เลเวอเรจสูงเกินไป หรือเข้าเทรดโดยไม่มีการวิเคราะห์ที่เหมาะสม
  • ความมั่นใจเกินไป: ทำให้มองข้ามความเสี่ยงหลังจากประสบความสำเร็จติดต่อกันหลายครั้ง
  • ความใจร้อน: ส่งผลให้เทรดเดอร์เบี่ยงเบนจากแผนการ และเข้าเทรดโดยไม่มีสัญญาณที่ชัดเจน

การตั้งเป้าหมายด้านการจัดการความเสี่ยง

การตั้งเป้าหมายด้านการบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเป็นรากฐานของกลยุทธ์การเทรดโดยรวมของเทรดเดอร์ ทุกคนต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนเกี่ยวกับการบริหารความเสี่ยง และต้องปฏิบัติตามอย่างมีวินัย

เหตุผลที่เป้าหมายด้านการจัดการความเสี่ยงมีความสำคัญ:

  • เพื่อกำหนดระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และช่วยปกป้องเงินทุน
  • เพื่อป้องกันการตัดสินใจด้วยอารมณ์ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวน
  • เพื่อให้การเทรดสอดคล้องกับเป้าหมายทางการเงิน และรักษาความมีวินัยอย่างต่อเนื่อง

การเทรดโดยไม่มีเป้าหมายด้านความเสี่ยง ก็เหมือนกับการล่องเรือโดยไม่มีแผนที่ — แม้อาจไปถึงจุดหมายได้ แต่การเดินทางจะเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและความเสี่ยงที่ไม่จำเป็น

ขั้นตอนสำคัญในการตั้งเป้าหมายด้านการจัดการความเสี่ยง

  1. กำหนดระดับความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้ (Risk Tolerance)

Risk Tolerance คือระดับความเสี่ยงหรือจำนวนเงินที่คุณยอมขาดทุนต่อการเทรดหนึ่งครั้งหรือภายในช่วงเวลาหนึ่ง

ปัจจัยที่มีผลต่อ Risk Tolerance:

  • ศักยภาพทางการเงิน: คุณสามารถรับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหนจากเงินทุนทั้งหมด? โดยทั่วไป แนะนำให้เสี่ยงไม่เกิน 1-2% ของบัญชีต่อหนึ่งออเดอร์
  • ความสามารถทางอารมณ์: คุณสามารถรับมือกับการขาดทุนได้ดีแค่ไหนโดยไม่สูญเสียวินัยในการเทรด?
  • ประสบการณ์: เทรดเดอร์มือใหม่มักจะมีความทนทานต่อความเสี่ยงน้อยกว่า ส่วนเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์มักรับมือกับความเสี่ยงได้มากกว่า

ตัวอย่าง: หากคุณมีบัญชี $10,000 และตั้งใจจะเสี่ยงไม่เกิน 1% ต่อการเทรดหนึ่งครั้ง เท่ากับคุณจะเสี่ยงไม่เกิน $100 ซึ่งช่วยให้คุณอยู่ในตลาดได้แม้เจอการขาดทุนหลายครั้งติดต่อกัน

  1. กำหนดอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (Risk-Reward Ratio)

อัตราส่วนนี้เปรียบเทียบผลกำไรที่คาดหวังกับความเสี่ยงที่ยอมรับในแต่ละการเทรด เช่น 1:2 หรือ 1:3

ตัวอย่าง:

  • Swing trader มักตั้งเป้าไว้ที่ 1:2 หรือ 1:3
  • Scalper อาจยอมรับอัตราส่วนที่ต่ำกว่าเนื่องจากมีความถี่ในการเทรดสูง

การมีอัตราส่วนที่ดีช่วยให้คุณยังสามารถทำกำไรได้ แม้ว่าคุณจะแพ้มากกว่าชนะในจำนวนเทรดทั้งหมด

  1. ตั้งขีดจำกัดการขาดทุนรายวัน รายสัปดาห์ และรายเดือน

การตั้งขีดจำกัดการขาดทุนช่วยป้องกันไม่ให้เทรดเดอร์เทรดเกินตัวหรือพยายาม “เอาคืน” ซึ่งมักนำไปสู่การขาดทุนมากขึ้น

ตัวอย่าง:

  • ขีดจำกัดการขาดทุนรายวัน = ไม่เกิน 5%
  • ขีดจำกัดการขาดทุนรายสัปดาห์ = ไม่เกิน 15%

หากถึงขีดจำกัดที่ตั้งไว้ ต้องหยุดเทรดทันทีเพื่อควบคุมความเสี่ยง

  1. กำหนดกฎการจัดสรรเงินทุน (Capital Allocation Rules)

วางแผนว่าจะจัดสรรเงินทุนเท่าไหร่ให้กับการเทรดแต่ละครั้ง ตลาดแต่ละประเภท หรือสินทรัพย์แต่ละตัว

  • หลีกเลี่ยงการนำเงินทั้งหมดไปไว้ในออเดอร์เดียว
  • กระจายความเสี่ยง (Diversify) เพื่อหลีกเลี่ยงการพึ่งพาตลาดใดตลาดหนึ่งมากเกินไป
  1. ตั้งเป้าหมายตามกรอบเวลา (Time-Based Goals)

กลยุทธ์บางประเภทเหมาะกับระยะสั้น เช่น Day Trading ขณะที่บางกลยุทธ์เหมาะกับการถือระยะยาว เช่น Position Trading

  • เทรดเดอร์รายวันควรใช้ Stop-Loss ที่แคบลงเพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนภายในวัน
  • นักลงทุนระยะยาวอาจกำหนด Stop-Loss ที่กว้างขึ้น เพื่อรองรับความผันผวนในภาพใหญ่

เครื่องมือและกลยุทธ์ในการบริหารความเสี่ยง

การเทรดในยุคปัจจุบันจำเป็นต้องใช้เครื่องมือและกลยุทธ์ที่หลากหลายเพื่อบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ เครื่องมือเหล่านี้ช่วยให้เข้าใจสภาวะตลาดได้ดีขึ้น ช่วยให้กระบวนการเทรดเป็นแบบอัตโนมัติ ลดข้อผิดพลาดจากมนุษย์ และเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวม

ในหัวข้อนี้ เราจะพูดถึงเครื่องมือและกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ซึ่งสามารถยกระดับแนวทางการบริหารความเสี่ยงของคุณได้อย่างมีนัยสำคัญ

เครื่องมือสำหรับการบริหารความเสี่ยง

มีเครื่องมือเชิงปริมาณมากมายที่เทรดเดอร์สามารถใช้เพื่อลดความเสี่ยงในการเทรดได้ โดยเทรดเดอร์มักใช้เครื่องมือเหล่านี้แยกกันหรือใช้ร่วมกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยง

คำสั่งหยุดขาดทุน (Stop Loss Orders)

คำสั่งหยุดขาดทุนคือคำสั่งที่ช่วยให้ระบบปิดสถานะอัตโนมัติหากราคาขยับสวนทางกับคุณจนถึงระดับที่กำหนด จุดประสงค์คือเพื่อจำกัดการขาดทุนและปกป้องเงินทุนจากความผันผวนของตลาดที่รุนแรงเกินไป

เทรดเดอร์มักใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคในการวางตำแหน่งของคำสั่งหยุดขาดทุน โดยมักจะตั้งไว้ต่ำกว่าระดับแนวรับ หรือสูงกว่าระดับแนวต้านเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ควรหลีกเลี่ยงการตั้งจุดหยุดขาดทุนใกล้จุดเข้าเทรดเกินไป เพราะอาจถูกตัดออกจากตำแหน่งด้วย “เสียงรบกวน” ปกติของตลาด

ตัวอย่างเช่น หากคุณซื้อหุ้น Apple ที่ราคา 150 ดอลลาร์ต่อหุ้น การตั้งจุดหยุดขาดทุนไว้ที่ 145 ดอลลาร์จะทำให้สถานะของคุณถูกปิดโดยอัตโนมัติหากราคาลดลงต่ำกว่า 145 ดอลลาร์

คำสั่งทำกำไร (Take-Profit Orders)

คำสั่งทำกำไรคือคำสั่งที่ใช้ปิดสถานะโดยอัตโนมัติเมื่อราคาถึงระดับเป้าหมายที่ตั้งไว้ เพื่อให้คุณสามารถล็อกกำไรได้ จุดประสงค์หลักคือการทำให้การทำกำไรเป็นแบบอัตโนมัติ และลดความเสี่ยงจากความโลภที่อาจทำให้คุณถือสถานะไว้นานเกินไป

ในฐานะเทรดเดอร์ คุณควรกำหนดระดับทำกำไรโดยอิงตามอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (เช่น ตั้งเป้ากำไรไว้ที่ 2 เท่าหรือ 3 เท่าของระยะห่างจากจุดหยุดขาดทุน) และควรปรับระดับทำกำไรแบบไดนามิกในตลาดที่มีแนวโน้มเพื่อเพิ่มศักยภาพในการทำกำไร

ตัวอย่างเช่น หากคุณเปิดสถานะขาย (short) ดัชนี NASDAQ ที่ 15,000 จุด และตั้งจุดทำกำไรไว้ที่ 14,800 จุด ระบบจะปิดสถานะโดยอัตโนมัติเมื่อราคาลดลงมาถึงจุดดังกล่าว ส่งผลให้คุณได้กำไร 200 จุดทันที

เครื่องคำนวณความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (Risk-Reward Calculators)

เครื่องมือนี้ใช้สำหรับประเมินผลตอบแทนที่เป็นไปได้ของการเทรดเมื่อเทียบกับความเสี่ยง โดยมีเป้าหมายเพื่อให้แน่ใจว่าแต่ละการเทรดมีอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่เหมาะสม โดยทั่วไปคือ 1:2 ขึ้นไป

แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับเทรดเดอร์:

  • ควรใช้เครื่องมือนี้ก่อนเข้าซื้อขายจริง เพื่อกรองการเทรดที่มีโอกาสทำกำไรต่ำออก
  • ยึดมั่นในการเข้าเทรดเฉพาะที่มีอัตราส่วนขั้นต่ำอย่างน้อย 1:2 เพื่อรักษาความคาดหวังทางสถิติในระยะยาวให้อยู่ในเชิงบวก

ตัวอย่าง: การเทรดที่มีความเสี่ยง $50 เพื่อหวังผลตอบแทน $150 เท่ากับมีอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนอยู่ที่ 1:3

เครื่องคำนวณขนาดสัญญา (Position Size Calculators)

เป็นเครื่องมืออีกประเภทหนึ่งที่ใช้ในการคำนวณขนาดการเทรดที่เหมาะสม โดยอ้างอิงจากขนาดบัญชีของคุณ, ความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้, และระยะห่างของจุดตัดขาดทุน (Stop-loss) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันการรับความเสี่ยงมากเกินไป และช่วยให้มีการบริหารความเสี่ยงอย่างสม่ำเสมอในแต่ละการเทรด

แนวทางปฏิบัติสำหรับเทรดเดอร์:

  • ควรอัปเดตค่าการคำนวณเป็นประจำ เมื่อยอดเงินในบัญชีเปลี่ยนแปลง
  • ควรคำนึงถึงความผันผวนของตลาดเมื่อตั้งค่า Stop-loss และขนาดสัญญา

ตัวอย่าง: หากมีบัญชี $10,000 และยอมรับความเสี่ยง 2% ต่อการเทรด โดยตั้ง Stop-loss ไว้ที่ 50 pips เครื่องคำนวณขนาดสัญญาอาจแนะนำให้เปิดออเดอร์ขนาด 2 mini lots (20,000 หน่วย)

อินดิเคเตอร์วัดความผันผวน

เป็นเครื่องมืออย่างเช่น Average True Range (ATR) และ Bollinger Bands ที่ใช้ในการวัดความผันผวนของตลาด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยให้เทรดเดอร์กำหนดระดับ Stop-loss และขนาดสัญญาที่เหมาะสมตามสภาพตลาด

แนวทางปฏิบัติสำหรับเทรดเดอร์:

  • ใช้ ATR เพื่อปรับระดับ Stop-loss อย่างยืดหยุ่นในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง
  • ใช้ Bollinger Bands เพื่อติดตามสัญญาณการเบรกเอาต์หรือกลับตัวของราคา

ตัวอย่าง: หากค่า ATR ของคู่เงิน EUR/USD อยู่ที่ 100 pips การตั้ง Stop-loss ภายในระยะนี้อาจทำให้โดนตัดขาดทุนก่อนราคาเคลื่อนกลับไปในทิศทางที่ต้องการ

กลยุทธ์การบริหารความเสี่ยง (Strategies for Risk Management)

มีกลยุทธ์เชิงคุณภาพหลายรูปแบบที่ช่วยให้เทรดเดอร์ลดความเสี่ยงในการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

กฎ 1% หรือ 2%

กฎนี้คือการจำกัดเงินทุนที่คุณจะเสี่ยงต่อการเทรดแต่ละครั้งให้อยู่ที่ไม่เกิน 1% หรือ 2% ของยอดเงินในบัญชีทั้งหมด เพื่อให้คุณสามารถรับมือกับการขาดทุนต่อเนื่องหลายครั้งโดยไม่ทำให้บัญชีเสียหายหนักจนฟื้นตัวยาก

แนวทางการใช้:

  • ใช้กฎนี้อย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะมั่นใจในดีลแค่ไหน
  • ในสภาวะตลาดผันผวนหรือไม่แน่นอน ควรลดความเสี่ยงเหลือ 1%

ตัวอย่าง: หากคุณมีบัญชีเทรดมูลค่า $25,000 การเสี่ยงไม่เกิน 2% ต่อดีล จะเท่ากับเสี่ยงสูงสุด $500 ต่อคำสั่งซื้อขายหนึ่งครั้ง

การกระจายความเสี่ยง

การกระจายความเสี่ยงคือการแบ่งเงินลงทุนไปยังตลาด สินทรัพย์ หรือเครื่องมือทางการเงินที่หลากหลาย เพื่อลดการพึ่งพาการเทรดเพียงรายการเดียวหรือภาคธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง กลยุทธ์นี้ช่วยลดความเสี่ยง เพราะหากขาดทุนในบางสินทรัพย์ อาจชดเชยได้ด้วยกำไรจากอีกส่วนหนึ่ง

นอกจากนี้ การกระจายความเสี่ยงยังช่วยลดความผันผวนของพอร์ตโดยรวม ส่งผลให้ผลการลงทุนมีความเสถียรในระยะยาวมากขึ้น

แนวทางในการกระจายความเสี่ยงอย่างเหมาะสม:

  • กระจายการเทรดในหลายตลาด เช่น ฟอเร็กซ์ สินค้าโภคภัณฑ์ ดัชนี และหุ้น
  • ลงทุนในภูมิภาคที่หลากหลาย เช่น ตลาดพัฒนาแล้วและตลาดเกิดใหม่
  • เลือกสินทรัพย์ให้สมดุล เช่น ใช้ทองคำหรือพันธบัตรเป็นสินทรัพย์หลบภัยเพื่อลดความเสี่ยงของหุ้นที่มีความผันผวนสูง

การวิเคราะห์ความสัมพันธ์

การวิเคราะห์ความสัมพันธ์คือการศึกษาความเชื่อมโยงระหว่างเครื่องมือการเทรดสองรายการ เพื่อประเมินว่าการเคลื่อนไหวของราคามีแนวโน้มไปในทิศทางเดียวกันหรือสวนทางกัน โดยความสัมพันธ์สามารถเป็นได้ทั้งบวก (ราคาขยับไปในทิศทางเดียวกัน) หรือ ลบ (ราคาขยับสวนทางกัน)

กลยุทธ์นี้ช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงความเสี่ยงซ้ำซ้อน เพราะการเปิดสถานะในสินทรัพย์ที่มีความสัมพันธ์กันมากอาจเพิ่มความเสี่ยงหากทั้งสองรายการเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามกับที่คาดไว้ นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงของพอร์ตและเพิ่มเสถียรภาพโดยรวม

ตัวอย่าง:

  • ความสัมพันธ์เชิงบวก: คู่เงิน EUR/USD กับ GBP/USD มักเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกัน ดังนั้นไม่ควรเปิดสถานะซื้อทั้งสองพร้อมกันเพื่อลดความเสี่ยงซ้ำซ้อน
  • ความสัมพันธ์เชิงลบ: คู่เงิน USD/JPY กับราคาทองคำมักเคลื่อนไหวสวนทางกัน นักเทรดสามารถใช้โอกาสนี้ในการป้องกันความเสี่ยง (hedge) โดยถือครองทั้งสองสถานะร่วมกัน

เทรลลิ่งสต็อป

เทรลลิ่งสต็อปคือคำสั่งหยุดขาดทุนที่ปรับตัวอัตโนมัติตามราคาตลาดเมื่อราคาขยับไปในทิศทางที่คุณได้เปรียบ โดยจะช่วยล็อกกำไรไว้ในขณะที่ยังเปิดโอกาสให้ราคาวิ่งต่อในเทรนด์ได้ โดยไม่ต้องเฝ้าหน้าจอตลอดเวลา และลดการตัดสินใจที่เกิดจากอารมณ์ เทรลลิ่งสต็อปจึงเหมาะมากกับการเทรดในตลาดที่มีเทรนด์ชัดเจน

ตัวอย่าง:
หากคุณตั้งเทรลลิ่งสต็อปไว้ที่ 50 pip ในคู่เงิน ที่คุณเปิดซื้อที่ราคา 1.2000 แล้วราคาขยับขึ้นไปที่ 1.2050 ระบบจะเลื่อน stop-loss ของคุณจาก 1.1950 มาเป็น 1.2000 โดยอัตโนมัติ เพื่อปกป้องกำไรที่ได้มา

ยังมีเครื่องมือและกลยุทธ์อีกมากมายที่สามารถนำมาใช้ในการบริหารความเสี่ยงในการเทรด ซึ่งขึ้นอยู่กับสไตล์การเทรดของแต่ละคน แต่อย่างไรก็ตาม “วินัยในการปฏิบัติตามแผน” ถือเป็นหัวใจสำคัญที่สุดในความสำเร็จของการจัดการความเสี่ยง.

การจัดการเลเวอเรจและมาร์จิ้น

เลเวอเรจเป็นหนึ่งในข้อได้เปรียบหลักของการเทรด CFD แต่ก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน เลเวอเรจช่วยให้เทรดเดอร์ใช้เงินทุนเพียงเล็กน้อยในการเปิดสถานะขนาดใหญ่ในตลาดได้

เลเวอเรจมักแสดงในรูปแบบอัตราส่วน เช่น 100:1, 50:1, 30:1 หรือ 10:1

ตัวอย่างเช่น หากใช้เลเวอเรจ 100:1 เทรดเดอร์จะใช้เงินทุนเพียง $100 เพื่อเปิดสถานะขนาด $100,000 (100 เท่าของเงินทุนเริ่มต้น)

หากเป็นเลเวอเรจ 10:1 เงินทุนที่ต้องใช้ในการเปิดสถานะ $100,000 จะเท่ากับ $1,000

เลเวอเรจสามารถช่วยเพิ่มกำไรได้อย่างมากหากราคาขยับไปในทิศทางที่เทรดเดอร์คาดการณ์ แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถขาดทุนได้รุนแรงเช่นกัน หากตลาดเคลื่อนไหวสวนทางกับสถานะที่เปิดไว้ และในบางกรณีอาจขาดทุนเกินกว่าเงินทุนเริ่มต้นด้วยซ้ำ

ด้วยเหตุนี้ หน่วยงานกำกับดูแลในหลายประเทศจึงกำหนดให้มีระบบ “Negative Balance Protection” เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกค้าขาดทุนเกินยอดเงินฝาก โดยระบบจะปิดสถานะโดยอัตโนมัติหากขาดทุนสะสมเกินยอดเงินที่ฝากไว้.

ตัวอย่างของการใช้เลเวอเรจในการเทรด CFD:

คุณตัดสินใจเทรด CFD ในคู่สกุลเงิน EUR/USD โดยคุณเชื่อว่าราคาจะปรับตัวสูงขึ้น และโบรกเกอร์ของคุณเสนอเลเวอเรจ 30:1 ซึ่งหมายความว่าคุณต้องวางเงินมาร์จิ้นเพียง 3.33% ของมูลค่าการเทรดทั้งหมด

  • ขนาดการเทรด: $10,000
  • มาร์จิ้นที่ต้องใช้: $10,000 ÷ 30 = $333.33

ด้วยเงินฝากเพียง $333.33 คุณสามารถถือสถานะการเทรดมูลค่า $10,000 ได้ เลเวอเรจนี้สามารถส่งผลต่อผลลัพธ์ของการเทรดอย่างมีนัยสำคัญ (ทั้งกำไรและขาดทุน)

  • หากราคาคู่สกุลเงิน EUR/USD เพิ่มขึ้น 1% คุณจะได้กำไร $100 (1% ของ $10,000)
  • กำไร: $100 ÷ $333.33 = กำไร 30% จากมาร์จิ้นของคุณ

แม้ผลตอบแทนนี้จะดูน่าประทับใจเมื่อเทียบกับเงินลงทุนเริ่มต้นที่น้อยมาก แต่เลเวอเรจสามารถส่งผลในทางตรงกันข้ามได้เช่นกัน

กรณีที่ 2: ราคาขยับสวนทางกับคุณ

  • หากราคาคู่ EUR/USD ลดลง 1% คุณจะขาดทุน $100 (1% ของ $10,000)
  • ขาดทุน: $100 ÷ $333.33 = ขาดทุน 30% ของมาร์จิ้นของคุณ

หากคู่ EUR/USD ลดลง 3.33% คุณจะสูญเสียเงินมาร์จิ้น $333.33 ทั้งหมด

ทั้งนี้ ระดับเลเวอเรจที่โบรกเกอร์เสนอจะแตกต่างกันไปตามสินทรัพย์ CFD ที่เทรด โดยปกติ คู่สกุลเงินหลัก จะมีเลเวอเรจสูงสุด ขณะที่คริปโต CFD มักมีเลเวอเรจต่ำสุดเนื่องจากความผันผวนสูง

เทรดกับ Ultima Markets

Ultima Markets เป็นโบรกเกอร์ที่ได้รับใบอนุญาตอย่างถูกต้อง และเป็นแพลตฟอร์มการเทรดแบบมัลติแอสเซทที่เปิดให้เทรด CFD มากกว่า 250 รายการ ครอบคลุม Forex, สินค้าโภคภัณฑ์, ดัชนี และหุ้น เรารับประกันสเปรดที่แคบและการดำเนินคำสั่งที่รวดเร็ว ปัจจุบันเราให้บริการลูกค้าจากกว่า 172 ประเทศทั่วโลกด้วยระบบการเทรดที่มีเสถียรภาพและน่าเชื่อถือ

Ultima Markets ได้รับรางวัลมากมายในปี 2024 เช่น Best Affiliates Brokerage Best Fund Safety จากเวที Global Forex Awards และ Best APAC CFD Broker จาก Traders Fair 2024 ณ ฮ่องกง

Ultima Markets ยังเป็นโบรกเกอร์ CFD รายแรกที่เข้าร่วม UN Global Compact เพื่อแสดงความมุ่งมั่นต่อความยั่งยืน และส่งเสริมการให้บริการทางการเงินอย่างมีจริยธรรม

Ultima Markets เป็นสมาชิกของ The Financial Commission ซึ่งเป็นองค์กรอิสระระดับสากลที่ช่วยไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในตลาด Forex และ CFD

ลูกค้าทุกคนของ Ultima Markets ยังได้รับความคุ้มครองจากประกันของ Willis Towers Watson (WTW) โบรคเกอร์ประกันระดับโลกที่ก่อตั้งในปี 1828 ซึ่งให้สิทธิ์เคลมความเสียหายสูงสุดถึง 1,000,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อบัญชี

เปิดบัญชี  กับUltima Markets วันนี้ เพื่อเริ่มต้นเส้นทางการเทรด CFD ดัชนีในระดับสากลของคุณ

อภิธานศัพท์

เริ่มต้นหรือขยายความรู้ด้านการเทรดของคุณในทุกระดับด้วยคำศัพท์และคำนิยามในอุตสาหกรรมการเงินที่หาที่ไหนไม่ได้

คำศัพท์การเทรดที่บันทึกไว้

  • A
  • B
  • C
  • D
  • E
  • F
  • G
  • H
  • I
  • J
  • K
  • L
  • M
  • N
  • O
  • P
  • Q
  • R
  • S
  • T
  • U
  • V
  • W
  • X
  • Y
  • Z
  • AMM (ตลาดเงินอัตโนมัติ)

    ระบบกระจายศูนย์ที่ใช้ อัลกอริธึมจัดการสภาพคล่องและการซื้อขาย โดยอัตโนมัติ โดยไม่ต้องพึ่งพาตลาดกลางแบบดั้งเดิม

    บันทึก

  • APR (อัตราดอกเบี้ยต่อปี)

    อัตราดอกเบี้ยรายปีที่เทรดเดอร์ต้องจ่ายสำหรับเงินที่กู้ยืม หรือได้รับจากการลงทุน (ไม่รวมดอกเบี้ยทบต้น)

    บันทึก

  • APY (ผลตอบแทนต่อปี)

    อัตราผลตอบแทนรายปีที่เทรดเดอร์ได้รับจากการลงทุน (รวมดอกเบี้ยทบต้น) ซึ่งแสดงถึงผลตอบแทนที่แท้จริง

    บันทึก

  • การเข้ารหัสแบบอสมมาตร

    วิธีการเข้ารหัสข้อมูลที่ใช้ กุญแจสองดอก (Public Key และ Private Key) เพื่อรักษาความปลอดภัยในการทำธุรกรรม

    บันทึก

  • Asymmetric Encryption

    The apportionment of premiums and discounts on forward exchange transactions that relate directly to deposit swap (interest arbitrage) deals, over the period of each deal.

    บันทึก

  • การแลกเปลี่ยนอะตอมมิก

    การแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลแบบ เพียร์ทูเพียร์ (P2P) โดยตรง โดยไม่ต้องมีตัวกลาง ลดความเสี่ยงของคู่สัญญา

    บันทึก

  • ดุลการค้า

    มูลค่าของการส่งออกของประเทศลบด้วยมูลค่าการนำเข้า

    บันทึก

  • กราฟแท่ง

    กราฟประเภทหนึ่งที่ประกอบด้วยจุดสำคัญสี่จุด: ราคาสูงสุดและราคาต่ำสุดซึ่งเป็นแท่งแนวตั้ง, ราคาเปิดซึ่งแสดงด้วยเส้นแนวนอนทางซ้ายของแท่ง และราคาปิดซึ่งแสดงด้วยเส้นแนวนอนทางขวาของแท่ง

    บันทึก

  • ระดับแนวต้าน

    ราคาที่มีความสำคัญสูงซึ่งรวมอยู่ในโครงสร้างของ Barrier Option หากราคานี้ถูกแตะ เงื่อนไขของ Barrier Option จะทำให้เกิดเหตุการณ์ที่กำหนดไว้

    บันทึก

  • ออปชันแบบ Barrier

    โครงสร้างของออปชันที่แตกต่างกัน (เช่น knock-in, knock-out, no touch, double-no-touch-DNT) ที่ให้ความสำคัญอย่างมากกับราคาที่กำหนด ใน Barrier แบบ no-touch ผู้ซื้อออปชันจะได้รับผลตอบแทนที่กำหนดไว้ล่วงหน้าหากราคายังไม่แตะระดับที่กำหนดก่อนหมดอายุ สิ่งนี้กระตุ้นให้ผู้ขายออปชันพยายามผลักดันราคาให้แตะระดับดังกล่าว และทำให้ผู้ซื้อพยายามปกป้องระดับราคานั้น

    บันทึก

  • สกุลเงินหลัก

    สกุลเงินแรกในคู่สกุลเงิน แสดงให้เห็นว่าสกุลเงินหลักมีมูลค่าเท่าใดเมื่อเทียบกับสกุลเงินที่สอง เช่น หากอัตรา USD/CHF เท่ากับ 1.6215 หมายความว่า 1 ดอลลาร์สหรัฐมีค่าเท่ากับ 1.6215 ฟรังก์สวิส ในตลาดฟอเร็กซ์ ดอลลาร์สหรัฐมักถือเป็นสกุลเงินหลักสำหรับการเสนอราคา ยกเว้นสกุลเงินปอนด์อังกฤษ ยูโร และดอลลาร์ออสเตรเลีย

    บันทึก

  • เคเบิล

    คู่สกุลเงิน GBP/USD (ปอนด์อังกฤษ/ดอลลาร์สหรัฐ) ได้รับชื่อเล่นว่า "เคเบิล" เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนเคยถูกส่งไปยังสหรัฐอเมริกาผ่านสายเคเบิลข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกตั้งแต่ช่วงกลางศตวรรษที่ 19 เมื่อเงินปอนด์อังกฤษเป็นสกุลเงินหลักของการค้าระหว่างประเทศ

    บันทึก

  • แคด

    ดอลลาร์แคนาดา หรือที่รู้จักกันในชื่อ "Loonie" หรือ "Funds"

    บันทึก

  • ออปชันซื้อ

    การซื้อขายสกุลเงินที่ใช้ประโยชน์จากความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่างสองประเทศ โดยการขายสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำและซื้อสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยสูง เทรดเดอร์จะได้รับส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของทั้งสองประเทศตราบใดที่การซื้อขายนี้ยังเปิดอยู่

    บันทึก

  • ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ Ivey ของแคนาดา

    ตัวชี้วัดรายเดือนที่สะท้อนความเชื่อมั่นทางธุรกิจของแคนาดา จัดทำโดย Richard Ivey Business School

    บันทึก

  • กราฟแท่งเทียน

    กราฟที่แสดงช่วงการซื้อขายของวัน รวมถึงราคาเปิดและราคาปิด หากราคาเปิดสูงกว่าราคาปิด ส่วนที่อยู่ระหว่างราคาจะถูกแรเงา หากราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด พื้นที่นั้นของกราฟจะไม่ถูกแรเงา

    บันทึก

  • เดย์เทรดเดอร์

    นักเก็งกำไรที่เปิดสถานะการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์และปิดสถานะภายในวันเดียวกันก่อนตลาดปิด

    บันทึก

  • การซื้อขายรายวัน

    การเปิดและปิดคำสั่งซื้อขายในผลิตภัณฑ์เดียวกันภายในวันเดียว

    บันทึก

  • ดีล

    คำที่ใช้เรียกการซื้อขายที่ดำเนินการในราคาตลาดปัจจุบัน ซึ่งเป็นการซื้อขายจริง ไม่ใช่คำสั่งซื้อที่รอดำเนินการ

    บันทึก

  • ดีลเลอร์

    บุคคลหรือบริษัทที่ทำหน้าที่เป็นคู่สัญญาในการซื้อขาย ดีลเลอร์จะเปิดสถานะซื้อหรือขายเองโดยหวังว่าจะได้กำไรจากส่วนต่างราคาหลังจากปิดสถานะในการซื้อขายครั้งต่อไป ในทางตรงกันข้าม โบรกเกอร์เป็นบุคคลหรือบริษัทที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย โดยเรียกเก็บค่าธรรมเนียมหรือคอมมิชชั่น

    บันทึก

  • ส่วนต่างราคาเสนอซื้อและขาย

    ส่วนต่างระหว่างราคาซื้อและราคาขายของสัญญาการซื้อขาย

    บันทึก

  • อีซีบี

    ธนาคารกลางยุโรป (European Central Bank) ซึ่งเป็นธนาคารกลางของประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโร

    บันทึก

  • ตัวชี้วัดเศรษฐกิจ

    สถิติที่ออกโดยรัฐบาลเพื่อบ่งชี้ถึงการเติบโตและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน ตัวชี้วัดที่สำคัญ ได้แก่ อัตราการจ้างงาน ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) อัตราเงินเฟ้อ และยอดค้าปลีก เป็นต้น

    บันทึก

  • คำสั่งซื้อขายสิ้นวัน

    คำสั่งซื้อหรือขายที่กำหนดราคาไว้และยังคงเปิดอยู่จนกว่าจะสิ้นสุดวันซื้อขาย

    บันทึก

  • เวลามาตรฐานตะวันออกของสหรัฐฯ

    เขตเวลาของนครนิวยอร์ก ซึ่งหมายถึงเวลามาตรฐานตะวันออกของสหรัฐฯ (Eastern Standard Time) หรือเวลาออมแสงตะวันออก (Eastern Daylight Time)

    บันทึก

  • อีเอสทีเอ็กซ์ 50

    ชื่อเรียกของดัชนี Euronext 50

    บันทึก

  • คำสั่งซื้อจากโรงงาน

    ระดับมูลค่า (ดอลลาร์) ของคำสั่งซื้อใหม่สำหรับสินค้าคงทนและไม่คงทน รายงานนี้ให้รายละเอียดมากกว่ารายงานสินค้าคงทนที่เผยแพร่ก่อนหน้านี้ในเดือนเดียวกัน

    บันทึก

  • FED

    ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve Bank) หรือคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC - Federal Open Market Committee) ซึ่งเป็นคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด

    บันทึก

  • เจ้าหน้าที่ FED

    หมายถึงสมาชิกคณะกรรมการผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือประธานธนาคารกลางสาขาในระดับภูมิภาคของสหรัฐฯ

    บันทึก

  • ตัวเลข

    หมายถึงการเสนอราคาที่ลงท้ายด้วย "00" เช่น 00-03 (1.2600-03) ซึ่งจะอ่านว่า "ฟิกเกอร์-สาม" หากมีการขายที่ 1.2600 เทรดเดอร์อาจกล่าวว่า "ตัวเลขถูกให้" หรือ "ตัวเลขถูกกระทบ"

    บันทึก

  • การคำสั่งซื้อถูกดำเนินเสร็จสมบูรณ์

    เมื่อคำสั่งซื้อขายถูกดำเนินการจนเสร็จสมบูรณ์

    บันทึก

  • G7

    กลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เยอรมนี สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส อิตาลี และแคนาดา

    บันทึก

  • G8

    กลุ่มประเทศอุตสาหกรรม 8 ประเทศ ประกอบด้วยสมาชิก G7 และรัสเซีย

    บันทึก

  • ช่องว่างของราคา

    การเคลื่อนไหวของตลาดอย่างรวดเร็วซึ่งราคาข้ามผ่านหลายระดับราคาโดยไม่มีการซื้อขายเกิดขึ้น ช่องว่างราคามักเกิดขึ้นหลังจากการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจหรือข่าวสำคัญ

    บันทึก

  • เลเวอเรจ

    การซื้อขายที่มีมูลค่ามากกว่าทุนที่ต้องถืออยู่ในบัญชีซื้อขาย ซึ่งแสดงเป็นเปอร์เซ็นต์หรือเศษส่วน

    บันทึก

  • Ger30

    ดัชนีของ 30 บริษัทชั้นนำ (ตามมูลค่าตลาด) ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เยอรมนี หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า DAX

    บันทึก

  • Handle

    ทุก ๆ 100 pips ในตลาด FX โดยเริ่มต้นที่ 000

    บันทึก

  • Hawk/Hawkish

    นักนโยบายการเงินของประเทศที่เชื่อว่าจำเป็นต้องใช้อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น (โดยทั่วไปเพื่อควบคุมเงินเฟ้อหรือจำกัดการเติบโตทางเศรษฐกิจที่รวดเร็ว หรือทั้งสองอย่าง) จึงเรียกว่า “hawkish”

    บันทึก

  • Hedge

    ตำแหน่งหรือชุดของตำแหน่งที่ช่วยลดความเสี่ยงของตำแหน่งหลักของคุณ

    บันทึก

  • Hit The Bid

    การขายในราคาซื้อ (bid) ปัจจุบันในตลาด

    บันทึก

  • Hk50/Hkhi

    ชื่อที่ใช้เรียกดัชนีฮ่องกง (Hong Kong Hang Seng index)

    บันทึก

  • Illiquid

    มีปริมาณการซื้อขายในตลาดน้อย; การขาดสภาพคล่องมักจะสร้างสภาวะตลาดที่มีความผันผวน 

    บันทึก

  • Imm

    IMM หรือ International Monetary Market เป็นส่วนหนึ่งของ Chicago Mercantile Exchange (CME) ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายฟิวเจอร์สและออปชันสำหรับสกุลเงินและอัตราดอกเบี้ย

    บันทึก

  • Imm Futures

    สัญญาฟิวเจอร์สแบบดั้งเดิมที่อิงตามสกุลเงินหลักเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ฟิวเจอร์ส IMM ถูกซื้อขายบนพื้นของ Chicago Mercantile Exchange

    บันทึก

  • Imm Session

    8:00 น. - 15:00 น. ตามเวลา New York

    บันทึก

  • Indu

    คำย่อของ Dow Jones Industrial Average

    บันทึก

  • Japanese Economy Watchers Survey

    วัดความรู้สึกของธุรกิจที่ให้บริการโดยตรงแก่ผู้บริโภค เช่น พนักงานเสิร์ฟ คนขับรถ และช่างทำผม การอ่านค่าที่สูงกว่า 50 โดยทั่วไปสื่อถึงการปรับปรุงทัศนคติ

    บันทึก

  • Japanese Machine Tool Orders

    วัดมูลค่ารวมของคำสั่งซื้อใหม่ที่วางกับผู้ผลิตเครื่องจักร เครื่องมือตัดเย็บนี้เป็นตัวชี้วัดความต้องการของบริษัทที่ผลิตเครื่องจักร ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ล่วงหน้าของการผลิตภาคอุตสาหกรรมในอนาคต ข้อมูลที่แข็งแกร่งโดยทั่วไปสื่อถึงการปรับปรุงในภาคการผลิตและเศรษฐกิจที่อยู่ในช่วงขยายตัว

    บันทึก

  • Jpn225

    ชื่อสำหรับดัชนี NEKKEI

    บันทึก

  • เก็บกระสุนไว้

    จำกัดการเทรดของคุณเมื่อเผชิญกับสภาวะตลาดที่ไม่เอื้ออำนวย ในตลาดที่มีความผันผวนสูงหรือช่วงราคาที่แคบมาก อาจเป็นการดีกว่าที่จะรออยู่ข้างสนามจนกว่าจะมีโอกาสที่ชัดเจน

    บันทึก

  • กีวี

    ชื่อเล่นของคู่สกุลเงิน NZD/USD (ดอลลาร์นิวซีแลนด์/ดอลลาร์สหรัฐ)

    บันทึก

  • น็อคอินส์

    กลยุทธ์ออปชันที่ต้องให้ผลิตภัณฑ์อ้างอิงมีการซื้อขายที่ราคาหนึ่งก่อนที่ออปชันที่ซื้อไว้ก่อนหน้านี้จะเริ่มทำงาน น็อคอินส์ถูกใช้เพื่อลดต้นทุนค่าพรีเมียมของออปชันและอาจกระตุ้นกิจกรรมป้องกันความเสี่ยงเมื่อออปชันถูกเปิดใช้งาน

    บันทึก

  • น็อคเอาท์

    ออปชันที่ทำให้สัญญาออปชันที่ซื้อมาก่อนหน้านี้เป็นโมฆะหากผลิตภัณฑ์อ้างอิงมีการซื้อขายที่ระดับราคาหนึ่ง เมื่อราคาน็อคเอาท์ถูกซื้อขาย ออปชันเดิมจะสิ้นสุดและอาจต้องยกเลิกการป้องกันความเสี่ยงที่ทำไว้

    บันทึก

  • วันซื้อขายสุดท้าย

    วันสุดท้ายที่คุณสามารถทำการซื้อขายผลิตภัณฑ์นั้นได้

    บันทึก

  • เวลาซื้อขายสุดท้าย

    เวลาสุดท้ายที่คุณสามารถทำการซื้อขายผลิตภัณฑ์นั้นได้

    บันทึก

  • ตัวชี้วัดชั้นนำ

    สถิติที่ถูกใช้เพื่อคาดการณ์กิจกรรมทางเศรษฐกิจในอนาคต

    บันทึก

  • ระดับราคา

    โซนราคาหรือราคาที่มีความสำคัญจากมุมมองทางเทคนิค หรืออิงจากคำสั่งซื้อ/ความสนใจในออปชันที่มีการรายงาน

    บันทึก

  • เลเวอเรจ

    เรียกอีกอย่างว่ามาร์จิ้น เป็นเปอร์เซ็นต์หรืออัตราส่วนที่ช่วยให้คุณสามารถเทรดได้มากกว่าทุนที่มีอยู่ เช่น เลเวอเรจ 100:1 หมายความว่าคุณสามารถเทรดมูลค่ารวมที่มากกว่าทุนในบัญชีของคุณถึง 100 เท่า

    บันทึก

  • มาโคร

    นักเทรดระยะยาวที่ใช้การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานในการตัดสินใจซื้อขาย ระยะเวลาการถือครองของการเทรดแบบมาโครอาจอยู่ระหว่าง 6 เดือนถึงหลายปี

    บันทึก

  • การผลิตภาคอุตสาหกรรม

    เป็นตัวชี้วัดปริมาณการผลิตทั้งหมดของภาคการผลิตที่เป็นส่วนหนึ่งของตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรม ข้อมูลนี้วัดเฉพาะ 13 หมวดหมู่ย่อยที่เกี่ยวข้องกับการผลิตโดยตรง ซึ่งภาคการผลิตคิดเป็นประมาณ 80% ของการผลิตภาคอุตสาหกรรมทั้งหมด

    บันทึก

  • มาร์เก็ตคอล

    คำร้องขอจากโบรกเกอร์หรือดีลเลอร์ให้ลูกค้าเพิ่มเงินทุนหรือหลักประกันเพิ่มเติมในตำแหน่งที่มีการเคลื่อนไหวในทิศทางที่ไม่เป็นไปตามความคาดหมายของลูกค้า

    บันทึก

  • มาร์เก็ตเมกเกอร์

    ดีลเลอร์ที่เสนอราคาซื้อและราคาขายอย่างต่อเนื่อง และพร้อมที่จะสร้างตลาดสองด้านสำหรับผลิตภัณฑ์ทางการเงินใด ๆ

    บันทึก

  • มาร์เก็ตออร์เดอร์

    คำสั่งซื้อหรือขายตามราคาปัจจุบันของตลาด

    บันทึก

  • Nas100

    ตัวย่อของดัชนี NASDAQ 100

    บันทึก

  • สถานะสุทธิ

    จำนวนสกุลเงินที่ถูกซื้อหรือขายแต่ยังไม่ได้ถูกชดเชยด้วยธุรกรรมตรงข้าม

    บันทึก

  • เซสชันนิวยอร์ก

    08:00 น. – 17:00 น. (เวลานิวยอร์ก)

    บันทึก

  • โนทัช

    ออปชันที่จ่ายจำนวนเงินคงที่ให้กับผู้ถือหากตลาดไม่แตะระดับ Barrier ที่กำหนดไว้ล่วงหน้า

    บันทึก

  • Nya.X

    สัญลักษณ์ของดัชนี NYSE Composite

    บันทึก

  • เสนอขาย

    ราคาที่ตลาดพร้อมจะขายผลิตภัณฑ์ ราคามักถูกเสนอเป็นสองด้าน คือ Bid/Offer ราคาขาย (Offer) เรียกอีกอย่างว่า Ask ซึ่งแสดงถึงราคาที่เทรดเดอร์สามารถซื้อสกุลเงินหลักได้ โดยสกุลเงินหลักจะแสดงทางซ้ายของคู่สกุลเงินตัวอย่างเช่น ในอัตราแลกเปลี่ยน USD/CHF 1.4527/32 ค่าเงินหลักคือ USD และราคา Ask คือ 1.4532 หมายความว่าคุณสามารถซื้อ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ ได้ในราคา 1.4532 ฟรังก์สวิส 

    ในการซื้อขาย CFD ราคา Ask คือราคาที่เทรดเดอร์สามารถซื้อผลิตภัณฑ์ได้ เช่น ในอัตรา UK OIL 111.13/111.16 ราคาสินค้า UK OIL และราคา Ask คือ £111.16 ต่อหน่วยของตลาดอ้างอิง

    บันทึก

  • ถูกเสนอขาย

    หากตลาดถูกกล่าวว่ากำลังถูกเสนอขาย หมายถึงมีแรงขายสูง หรือมีคำสั่งขายจำนวนมาก

    บันทึก

  • ธุรกรรมชดเชย

    การซื้อขายที่ใช้เพื่อลดหรือยกเลิกความเสี่ยงทางตลาดของสถานะที่เปิดอยู่

    บันทึก

  • ขายทันทีที่ราคาตลาด

    ความพยายามที่จะขายที่ราคาตลาดปัจจุบัน

    บันทึก

  • คำสั่งหนึ่งยกเลิกอีกคำสั่ง

    การตั้งคำสั่งซื้อขายสองคำสั่ง หากคำสั่งหนึ่งถูกดำเนินการ คำสั่งที่เหลือจะถูกยกเลิกโดยอัตโนมัติ

    บันทึก

  • จ่าย

    หมายถึงฝั่งเสนอขาย (Offer) ในการซื้อขายตลาด

    บันทึก

  • คู่สกุลเงิน

    การจับคู่สกุลเงินสองสกุลในการเสนอราคาแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ

    บันทึก

  • ถูกเทขายหนัก

    การขายออกเป็นจำนวนมากอย่างรวดเร็ว

    บันทึก

  • พาราโบลิก

    ตลาดที่เคลื่อนที่ในระยะทางไกลภายในระยะเวลาสั้น ๆ โดยมักจะเร่งความเร็วขึ้นจนมีลักษณะคล้ายครึ่งหนึ่งของพาราโบลา การเคลื่อนไหวแบบพาราโบลิกสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งขาขึ้นและขาลง

    บันทึก

  • เติมคำสั่งซื้อบางส่วน

    เมื่อคำสั่งซื้อถูกดำเนินการเพียงบางส่วน แต่ยังไม่ครบจำนวนที่กำหนด

    บันทึก

  • มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ

    นโยบายที่ธนาคารกลางอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจเพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ

    บันทึก

  • สัญญา CFD รายไตรมาส

    สัญญาซื้อขายส่วนต่าง (CFD) ที่มีระยะเวลาหมดอายุตามรอบไตรมาส

    บันทึก

  • อัตราเสนอราคา

    ราคาตลาดที่ใช้เป็นข้อมูลอ้างอิง ซึ่งโดยทั่วไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ด้านข้อมูลเท่านั้น

    บันทึก

  • แรลลี่

    การฟื้นตัวของราคาหลังจากช่วงที่ลดลง

    บันทึก

  • กรอบราคา

    สถานการณ์ที่ราคาซื้อขายอยู่ระหว่างระดับสูงสุดและต่ำสุดที่กำหนดไว้ โดยเคลื่อนไหวภายในขอบเขตนี้โดยไม่ทะลุออกไป

    บันทึก

  • อัตราแลกเปลี่ยน

    ราคาของสกุลเงินหนึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับอีกสกุลเงินหนึ่ง มักใช้เพื่อการซื้อขาย

    บันทึก

  • ธนาคารกลางออสเตรเลีย

    ธนาคารกลางของประเทศออสเตรเลีย

    บันทึก

  • ธนาคารกลางนิวซีแลนด์

    ธนาคารกลางของประเทศนิวซีแลนด์

    บันทึก

  • ก.ล.ต.

    สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

    บันทึก

  • ภาคอุตสาหกรรม

    กลุ่มหลักทรัพย์ที่ดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมเดียวกัน

    บันทึก

  • ขาย

    การเปิดสถานะขาย (Short Position) โดยคาดการณ์ว่าราคาตลาดจะลดลง

    บันทึก

  • การชำระบัญชี

    กระบวนการบันทึกธุรกรรมทางการค้าและกำหนดคู่สัญญาของแต่ละธุรกรรม การชำระบัญชีในการซื้อขายสกุลเงินอาจมีหรือไม่มีการแลกเปลี่ยนสกุลเงินจริงก็ได้

    บันทึก

  • Shga.X

    สัญลักษณ์ของดัชนี Shanghai A Index

    บันทึก

  • การเข้าซื้อกิจการ

    การเข้าควบคุมบริษัทโดยการซื้อหุ้นของบริษัทนั้น

    บันทึก

  • การวิเคราะห์ทางเทคนิค

    กระบวนการศึกษากราฟและรูปแบบราคาย้อนหลังเพื่อหาแนวโน้มของการเคลื่อนไหวของราคาต่อไปในอนาคต

    บันทึก

  • นักวิเคราะห์ทางเทคนิค

    เทรดเดอร์ที่ตัดสินใจซื้อขายโดยอิงจากการวิเคราะห์ทางเทคนิคหรือกราฟราคา

    บันทึก

  • พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 10 ปี

    ตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งมีระยะเวลาชำระคืนใน 10 ปี เช่น พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี

    บันทึก

  • ตลาดที่มีสภาพคล่องต่ำ

    สภาวะตลาดที่มีปริมาณซื้อขายต่ำ ส่งผลให้เกิดการเคลื่อนไหวของราคาที่ไม่แน่นอนและผันผวนสูง

    บันทึก

  • ตลาดที่รุนแรงและไม่เป็นมิตร

    คำอธิบายสภาวะตลาดที่มีความรุนแรงและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

    บันทึก

  • ค่าจ้างเฉลี่ยในสหราชอาณาจักรรวมโบนัส/ไม่รวมโบนัส

    ตัวชี้วัดค่าจ้างเฉลี่ยของพนักงานที่รวม/ไม่รวมโบนัส โดยวัดการเปลี่ยนแปลงแบบไตรมาสต่อไตรมาส (QoQ) เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

    บันทึก

  • อัตราผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสหราชอาณาจักร

    ตัวชี้วัดจำนวนผู้ที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานในสหราชอาณาจักร ตัวเลขนี้มักต่ำกว่าข้อมูลอัตราการว่างงานทั่วไป เนื่องจากไม่ใช่ทุกคนที่ว่างงานมีสิทธิ์ได้รับสวัสดิการ

    บันทึก

  • ดัชนีราคาบ้านของ HBOS ในสหราชอาณาจักร

    ตัวชี้วัดระดับราคาบ้านในสหราชอาณาจักร เพื่อบ่งชี้แนวโน้มในภาคอสังหาริมทรัพย์และผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม ดัชนีนี้เป็นชุดข้อมูลรายเดือนที่ยาวนานที่สุดในบรรดาดัชนีอสังหาริมทรัพย์ของสหราชอาณาจักร และเผยแพร่โดยผู้ให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยรายใหญ่ที่สุดของสหราชอาณาจักร (Halifax Building Society/Bank of Scotland)

    บันทึก

  • การเปลี่ยนแปลงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสหราชอาณาจักร

    ตัวชี้วัดการเปลี่ยนแปลงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในเดือนที่ผ่านมา

    บันทึก

  • วันที่มูลค่า

    หรือที่เรียกว่าวันครบกำหนด เป็นวันที่คู่สัญญาทางการเงินตกลงที่จะชำระภาระผูกพันของตน เช่น การแลกเปลี่ยนการชำระเงิน สำหรับธุรกรรมเงินตราต่างประเทศแบบสปอต (Spot) วันที่มูลค่ามักเป็น สองวันทำการข้างหน้า

    บันทึก

  • มาร์จิ้นแปรผัน

    เงินทุนที่เทรดเดอร์ต้องถือไว้ในบัญชีเพื่อให้มีมาร์จิ้นเพียงพอสำหรับรองรับความผันผวนของตลาด

    บันทึก

  • ดัชนี VIX หรือ ดัชนีความผันผวน

    แสดงความคาดหวังของตลาดเกี่ยวกับความผันผวนในช่วง 30 วันข้างหน้า โดยคำนวณจากความผันผวนโดยนัยของตัวเลือกดัชนี S&P 500 ที่หลากหลาย VIX เป็นมาตรวัดความเสี่ยงของตลาดที่ได้รับความนิยมและมักถูกเรียกว่า "ดัชนีความกลัวของนักลงทุน"

    บันทึก

  • ความผันผวน

    หมายถึงตลาดที่มีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและสร้างโอกาสในการซื้อขายบ่อยครั้ง

    บันทึก

  • รูปแบบกราฟลิ่ม

    รูปแบบกราฟที่แสดงช่วงราคาที่แคบลงเมื่อเวลาผ่านไป โดยใน ลิ่มขาขึ้น (Ascending Wedge) ราคาสูงสุดมีแนวโน้มลดลงเรื่อย ๆ ซึ่งมักจบลงด้วยการทะลุแนวรับลง ใน ลิ่มขาลง (Descending Wedge) ราคาต่ำสุดลดลงในอัตราที่ช้าลง ซึ่งมักจบลงด้วยการทะลุแนวต้านขึ้น

    บันทึก

  • วิปซอว์

    ศัพท์สแลงที่ใช้เรียกตลาดที่มีความผันผวนสูง โดยราคามีการเคลื่อนไหวรุนแรงในทิศทางหนึ่งแล้วกลับทิศทางอย่างรวดเร็ว

    บันทึก

  • ราคาขายส่ง

    ตัวชี้วัดการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าสำเร็จรูปที่ผู้ค้าปลีกต้องจ่าย ราคาขายส่งมักแสดงแรงกดดันเงินเฟ้อก่อนราคาสินค้าขายปลีก

    บันทึก

  • คำสั่งซื้อขายรอดำเนินการ

    คำสั่งซื้อขายแบบจำกัด (Limit Order) ที่ถูกตั้งไว้แต่ยังไม่ได้ดำเนินการ

    บันทึก

  • WSJ

    ตัวย่อของ The Wall Street Journal หนังสือพิมพ์การเงินและธุรกิจชั้นนำของโลก

    บันทึก

  • XAG/USD

    สัญลักษณ์ของดัชนีเงิน (Silver Index)

    บันทึก

  • XAU/USD

    สัญลักษณ์ของดัชนีทองคำ (Gold Index)

    บันทึก

  • XAX.X

    สัญลักษณ์ของดัชนี AMEX Composite

    บันทึก

  • YER

    เรียลเยเมน: สกุลเงินของประเทศเยเมน โดยแบ่งย่อยเป็น 100 ฟิล

    บันทึก

  • Yemeni Rial

    ดูที่ YER

    บันทึก

  • Yen

    ดูที่ JPY

    บันทึก

  • Yield

    ผลตอบแทนจากการลงทุน ซึ่งโดยทั่วไปจะแสดงเป็นเปอร์เซ็นต์

    บันทึก

  • Yuan Renminbi

    ดูที่ CNY

    บันทึก

  • ZAR

    แรนด์ (Rand) – สกุลเงินของแอฟริกาใต้ แบ่งย่อยเป็น 100 เซนต์

    บันทึก

  • ZMW

    แซมเบียน ควาชา (Zambian Kwacha) – สกุลเงินของแซมเบีย แบ่งย่อยเป็น 100 Ngwee

    บันทึก

  • ZWL

    ดอลลาร์ซิมบับเว (Zimbabwe Dollar) – สกุลเงินของซิมบับเว แบ่งย่อยเป็น 100 เซนต์

    บันทึก

  • Zambian Kwacha

    ดูที่ ZMW

    บันทึก

  • ZigZag

    ตัวบ่งชี้ทางเทคนิคที่วาดจุดสูงสุดและต่ำสุด โดยกรองสัญญาณรบกวนออกไป

    บันทึก

  • Zimbabwe Dollar

    ดูที่ ZWL

    บันทึก

    คำศัพท์การเทรดที่บันทึกไว้

    ยกเลิก

    ยืนยัน